เนื้อเรื่อง
กล่าวถึงพลายงาม เมื่อชนะคดีความขุนช้างแล้ว
ขุนช้างได้พานางวันทองกลับไปอยู่สุพรรณบุรี
ส่วนตัวพลายงามเองก็กลับไปอยู่บ้านพร้อม หน้าญาติและพ่อ ขาดก็แต่แม่ ทำให้พลายงามเกิดความคิดที่จะพานางวันทองกลับมาอยู่ด้วยกัน จะได้พร้อมหน้าพ่อ แม่ ลูก พอตกดึกจึงไปลอบขึ้น เรือนขุนช้างแล้วพานางวันทองหนีมาอยู่ที่บ้านกับตน
ตอนแรกนางก็ไม่ยินยอมที่จะมา เพราะกลัวจะเป็นเรื่องให้อับอายว่า คนนั้นลากไป
คนนี้ลากมาอีกและเกรงจะมีปัญหาตามมาภายหลัง
จึงบอกให้พลายงามนำความไปปรึกษาขุนแผน
เพื่อฟ้องร้องขุนช้างดีกว่าจะมาลักพาตัวไป แต่พลายงามไม่ยอมสุดท้ายนางวันทองจึงจำต้องยอมไปกับพลายงาม
ฝ่ายขุนช้างนอนฝันร้ายก็ผวาตื่นเอาตอนสาย ครั้นตื่นขึ้นมาก็ร้องเรียกหานางวันทอง
ออกมาถามบ่าวไพร่ก็ไม่มีใครเห็นจึงโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ มุ่งมั่นจะตามนางวันทองกลับมาให้ได้
ฝ่ายพลายงามก็เกรงว่าขุนช้างจะเอาผิด
ถ้ารู้ว่าตนไปพานางวันทองมา
จะเพ็ดทูลสมเด็จพระพันวษาอีก
แม่อาจจะต้องโทษได้ จึงใช้ให้หมื่นวิเศษผลไปบอกขุนช้างว่า
ตนนั้นป่วยหนักอยากเห็นหน้าแม่
จึงใช้ให้คนไปตามนางวันทองมาเมื่อกลางดึก ขอให้แม่อยู่กับตนสักพักหนึ่งแล้วจะส่งตัวกลับมาอยู่กับขุนช้างตามเดิม
ขุนช้างโมโหและแค้นยิ่งนักที่พลายงามทำเหมือนข่มเหงไม่เกรงใจตน
จึงร่างคำร้องถวายฎีกา
แล้วลอยคอมายังเรือพระที่นั่งของสมเด็จพระพันวษาเพื่อถวายฎีกา
ทำให้สมเด็จพระพันวษาพิโรธมาก
ให้ทหารรับคำฟ้องมาแล้วให้เฆี่ยนขุนช้าง ๓๐ ที แล้วปล่อยไป
และยังทรงตั้งกฤษฎีกาการรักษาความปลอดภัยว่า
ต่อไปข้าราชการผู้ใดที่มีหน้าที่รักษาความปลอดภัยแล้วปล่อยให้ใครเข้ามาโดยมิได้ รับอนุญาตจะมีโทษมหันต์ถึงประหารชีวิต
กล่าวฝ่ายขุนแผนนอนอยูในเรือนกับนางแก้วกิริยาและนางลาวทองอย่างมีความสุข ครั้นสองนางหลับ ขุนแผนก็คิดถึงนางวันทองที่พลายงาม ไปนำตัวมาไว้ที่บ้าน
จึงออกจากห้องย่องไปหานางวันทองหวังจะร่วมหลับนอนกัน แต่นางปฏิเสธแล้วพากันหลับไป แต่พอตกตึกนางวันทองก็เกิด
ฝันร้ายตกใจตื่นเล่าความฝันให้ขุนแผนฟัง
ขุนแผนฟังความฝันของนางก็รู้ทันทีว่าเป็นเรื่องร้าย อันตรายถึงชีวิตแน่นอน
แต่ก็แกล้งทำนายไปในทางดีเสีย เพื่อนางจะได้สบายใจ
ฝ่ายสมเด็จพระพันวษา ครั้นทรงอ่านคำฟ้องของขุนช้างก็ทรงกริ้วยิ่งนัก ให้ทหารไปตามตัวนางวันทอง
ขุนแผนและพระไวยมาเฝ้าทันที ขุนแผนเกรงว่านางวันทองจะมีภัย
จึงเสกคาถาและขี้ผึ้งให้นางวันทองทาปากเพื่อให้พระพันวษาเมตตา แล้วจึงพานางเข้าเฝ้า เมื่อพระพันวษาเห็นนางวันทองก็ใจอ่อนเอ็นดู ตรัสถามเรื่องราวที่เป็นมาจากนางวันทองว่า
ตอนชนะคดีให้ไปอยู่กับขุนแผนแล้วทำไมจึงไปอยู่กับขุนช้างนางวันทองก็กราบทูล
ด้วยความกลัวไปตามจริงว่า
ขุนแผนถูกจองจำ ขุนช้างเอาพระโองการไปอ้างให้ฉุดนางไปอยู่ด้วย
เพื่อนบ้านเห็นเหตุการณ์ก็ไม่กล้าเข้าช่วยเพราะกลัว ผิดพระโองการ
สมเด็จพระพันวษาฟังความทรงกริ้วขุนช้างมาก
ทรงถามนางวันทองอีกว่าขุนช้างไปฉุดให้อยู่ด้วยกันมาตั้ง ๑๘ ปี
แล้วคราวนี้หนีมาหรือมีใครไปรับมาอยู่กับขุนแผน
นางวันทองก็กราบทูลไปตามจริงว่า
พระไวยเป็นผู้ไปรับมาเวลาสองยาม ขุนช้างจึงหาความว่า หลบหนี สมเด็จพระพันวษา ทรงกริ้วพระไวยที่ทำอะไรตามใจตน
นึกจะขึ้นบ้านใครก็ขึ้น
ทำเหมือนบ้านเมืองไม่มีขื่อมีแป และว่าขุนแผนรู้เห็นเป็นใจ
สมเด็จพระพันวษาทรงคิดว่า
สาเหตุของความวุ่นวายทั้งหมดนี้เกิดจากนางวันทองจึงให้นางวันทองตัดสินใจว่าจะอยู่กับใคร นางวันทองตกใจ ประหม่า
อีกทั้งจะหมดอายุขัยจึงบันดาลให้พูดไม่ออกบอกไม่ถูกว่าจะอยู่กับใคร นางให้เหตุผลว่า นางรักขุนแผน แต่ขุนช้างก็ดีกับนาง ส่วนพลายงามก็ เป็นลูกรัก
ทำให้สมเด็จพระพันวษากริ้วมาก
เห็นว่านางวันทองเป็นคนหลายใจ เป็นหญิงแพศยา
จึงให้ประหารชีวิตนางวันทองเพื่อมิให้เป็นเยี่ยงอย่าง แก่ผู้อื่นต่อไป